วันพฤหัสบดีที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2559

ตำนานหนองหาร

ตำนานหนองหาร

ขอขอบคุณภาพ จาก ททท.นครพนม

            หนองหาร ที่ตั้งและอาณาเขต หนองหาร จังหวัดสกลนคร เป็นแหล่งน้ำธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตั้งอยู่ประมาณเส้นรุ้งที่ 107 องศา 6 ลิปดาเหนือ กับเส้นแวงที่ 104 องศา 8 ลิปดาตะวันออกถึง 104 องศา 18 ลิปดาตะวันออก สูงจากระดับน้ำทะเลเฉลี่ยปานกลางประมาณ 158 เมตร ความกว้างประมาณ 7 กิโลเมตร ยาว 18 กิโลเมตร พื้นที่รวมทั้งสิ้น 123ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมเขตการปกครองเทศบาลเมืองสกลนคร กับอีก 10 ตำบล ของอำเภอเมืองสกลนคร และอำเภอโพนนาแก้ว ได้แก่ ตำบลธาตุเชิงชุม ตำบลธาตุนาเวง ตำบลเชียงเครือ ตำบลท่าแร่ ตำบลนาแก้ว ตำบลบ้านแป้น ตำบลนาตงวัฒนา ตำบลม่วงลายตำบลเหล่าปอแดง และตำบลงิ้วด่อน


            หลักฐานทางโบราณคดีบริเวณหนองหาร จังหวัดสกลนคร เป็นจังหวัดที่อยู่ในภาคอีสานตอนบน ในบริเวณที่เรียกว่า แอ่งสกลนครโดยมีแนวเทือกเขาภูพานเป็นแนวยาวทางทิศเหนือ ทิศตะวันตกและทิศใต้ มีพื้นที่ราบอยู่ทางทิศตะวันออกลาดเอียงเข้าสู่ชายฝั่งแม่น้ำโขง สกลนครจึงนับว่าเป็นแหล่งที่มีความอุดมสมบูรณ์ จึงเป็นแหล่งอาศัยของมนุษย์มาหลายยุคหลายสมัย ต่อเนื่องมานับตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ ดังปรากฏหลักฐานทางโบราณคดีที่สำคัญ เช่น ภาพสลักผาหินที่ถ้ำผายนต์ หรือ ถ้ำผาลาย ถ้ำพระด่านแร้ง และภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์ที่ถ้ำผักหวาน     นอกจากนี้ยังปรากฏหลักฐานเกี่ยวกับภาชนะเครื่องใช้ เครื่องปั้นดินเผาต่างๆ ตลอดจนเครื่องสำริด และเครื่องโลหะ ซึ่งจากหลักฐานเครื่องมือเครื่องใช้ของคนก่อนประวัติศาสตร์ที่พบในจังหวัดสกลนครนี้เชื่อว่ามีอายุร่วมสมัยเดียวกันกับวัฒนธรรมบ้านเชียง และนอกจากนี้ยังปรากฏหลักฐานทางด้านโบราณคดีจำนวนมากตั้งแต่สมัยทวารวดีโดยมีการพบใบเสมาหิน พระพุทธรูปสมัยทวารวดีกระจายอยู่ทั่วไป ซึ่งอยู่ราวพุทธศตวรรษที่ 15-16 ซึ่งได้รับอิทธิพลศิลปะจากขอมเช่นปราสาทพระธาตุนารายณ์เจง ปราสาทพระธาตุภูเพ็ก ปราสาทบ้านพินนา ศิลาจารึกอักษรขอมที่วัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร จากประวัติและหลักฐานความเป็นมาของจังหวัดสกลนครดังกล่าว แสดงให้เห็นว่าชุมชนโบราณในบริเวณพื้นที่นี้มีการทิ้งร้างไม่อยู่ระยะหนึ่ง จนกระทั่งในช่วงพุทธศตวรรษที่19
เป็นต้นมาจนถึงพุทธศตวรรษที่ 24 ชุมชนนี้ จึงได้รับอิทธิพลพุทธศาสนาและมีการอพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานอีกครั้งหนึ่ง
            ลักษณะทางกายภาพของหนองหารสกลนครเป็นแหล่งน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่มีน้ำเต็มอยู่ตลอดปีเนื่องจากเป็นแหล่งริมน้ำจากลำน้ำหลายสาย ทำให้เป็นแหล่งอาหารที่สำคัญของชุมชนนี้ จึงเป็นที่สร้างบ้านแปลงเมืองนี้ตั้งแต่อดีต จนถึงปัจจุบันดังที่ปรากฏหลักฐานทางด้านโบราณคดีตำนานและบันทึกทางประวัติศาสตร์ได้ขนานนามชุมชนนี้ว่าเมืองหนองหารหลวง พื้นที่โดยรอบหนองหารยังปรากฏร่องรอยการตั้งถิ่นฐานย้อนหลังขึ้นไปจนถึงยุคก่อนประวัติศาสตร์ ดังรายละเอียด ดังนี้


            เกาะดอนสวรรค์ใหญ่ อำเภอเมืองสกลนคร เป็นดอนใหญ่ที่สุดในหนองหารอยู่ห่างจากฝั่งด้านสถานีประมงจังหวัด
สกลนคร ประมาณ 7 กิโลเมตร ทางด้านทิศใต้ของดอนจะอยู่ใกล้กับบ้านพักของประมงจังหวัดสกลนครมีรากฐานศาสนสถานเก่า ขนาดไม่ใหญ่โตนัก 1 แห่ง ก่อด้วยศิลาแลง ขนาดกว้างประมาณ 39.40 เซนติเมตร ยาว 50 เซนติเมตร หนา 12 เซนติเมตร รอบๆ บริเวณซากศาสนสถานมีศิลาแลง กระจายเกลื่อนอยู่มากมาย บนซากฐานแลงมีร่องรอยการก่อสร้างเป็นศาสนสถานด้วยอิฐในรุ่นหลังและมีชิ้นส่วนของเสา 8 เหลี่ยมก่อด้วยอิฐฉาบปูนหักตกอยู่ด้วยอีก 2 ชิ้นถัดจากซากศาสนสถาน ไปทางเหนือเล็กน้อยเป็นศาลาโถง สร้างใหม่ด้วยไม้เป็นที่ประดิษฐาน รอยพระพุทธบาท ยาวประมาณ 135 เซนติเมตร สลักรอยพระพุทธบาทเป็นมงคล 108 ซึ่งเข้าใจว่านำโบราณวัตถุในสมัยรัตนโกสินทร์ส่วนในสุดของศาลาโถง มีชิ้นส่วนพระพุทธรูปปั้นด้วยปูนขาวที่ได้รับการซ่อมแซมใหม่แล้ว 2 องค์
            ดอนสวนหมาก อำเภอเมืองสกลนคร เป็นดอนเล็กๆ อยู่ห่างจากดอนสวรรค์ใหญ่ไปทางทิศใต้ประมาณ 3-4 กิโลเมตร
ทอดยาวไปตามแกนแนวเหนือ-ใต้ ผงเศษภาชนะดินเผามีทั้งชนิดลายเชือกทาบ ลายขูดขีดและแบบยังเรียบทาสลับสีต่างๆ ความหนาต่างๆ กัน หลายชิ้นมีลักษณะร่วมสมัยรุ่นเดียวกับบ้านเชียง และบางชิ้นก็น่าจะอยู่ในสมัยทวารวดี
            และอื่นๆ ด้านทิศใต้ของดอน พบว่ามีซากฐานศาสนสถานก่อด้วยศิลาแลง และหินทรายประกอบกันพอสังเกตเห็นได้ว่าเป็นส่วนมุมของสิ่งก่อสร้างอย่างค่อนข้างชัดเจนถึง 2 จุดด้วยกัน ด้านเหนือของซากศาสนสถานหลักเสมาหินทรายโผล่เหนือผิวดินขึ้นมาประมาณ 15 เซนติเมตร หนาประมาณ 15 เซนติเมตร เห็นรอยสลักเป็นยอดแกนสถูปทั้งสองด้าน

            บ้านคูสนาม ตำบลงิ้วด่อน อำเภอเมืองสกลนคร ตั้งอยู่ระหว่างละติจูดที่ 17 องศา 06 ลิบดา 27 ฟิลิปดาเหนือ และลองติจูด 104 องศา 10 ลิปดา 18 ฟิลิปดาตะวันออก สภาพพื้นที่เป็นที่ราบลุ่ม จากภาพถ่ายทางอากาศแหล่งชุมชนโบราณจะอยู่กึ่งกลางหมู่บ้าน มีคันดินชั้นเดียวล้อมรอบ กว้างประมาณ 300 เมตร ยาวประมาณ 500 เมตร ลักษณะคล้ายเป็นสระเก็บน้ำ ในฤดูแล้งมากกว่าจะเป็นคูเมือง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเป็นที่ลุ่มน้ำท่วมถึงและไม่มีเนินดินที่แสดงว่าใช้เป็นที่ฝังศพ จึงไม่พบหลักฐานเครื่องมือเครื่องใช้ ในการดำรงชีวิตและพิธีกรรม หลักฐานที่สำคัญได้แก่ โบสถ์แบบล้านช้างปรากฏอยู่ในบริเวณที่สร้างโบสถ์ใหม่ ในปัจจุบันดินบางส่วนถูกบุกรุกเป็นเขตไร่นาของชาวบ้านที่มีที่ดินใกล้ชิดบริเวณที่ เช่น คูสนาม
            บ้านโพธิ์ศรี ตำบลงิ้วด่อน อำเภอเมืองสกลนคร บ้านโพธิ์ศรีอยู่ห่างจากบ้านคูสนามประมาณ 4 กิโลเมตร จากภาพถ่ายทางอากาศ บ้านโพธิ์ศรีมีคันดิน เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่ ชาวบ้านเรียกคันดินนี้ว่า คูขวางคูซอยพื้นที่กว้างประมาณ 500 เมตร ยาวประมาณ 900 เมตร สูง 1.50 เมตร ความกว้างของสันคูประมาณ 10 เมตร อย่างไรก็ตาม ลักษณะของคันดินดังกล่าวเชื่อว่าอาจใช้กักเก็บน้ำเพื่อการเพาะปลูกในชุมชนแห่งนี้มากกว่าเป็นคูเมือง


            ในด้านหลักฐานโบราณคดีอื่นๆชาวบ้านได้ขุดพบไหน้ำอ้อยและไหสีขาวอ่อน พบโครงกระดูกที่มีขนาดใหญ่ในบริเวณทิศตะวันออกเฉียงเหนือของหมู่บ้าน พบไหบรรจุกระดูกซึ่งคาดว่าคงเป็นการฝัง 2 ครั้ง คือนำผู้ตายมาฝั่งในหลุมศพจนเน่าเปื่อยแล้วนำกระดูกบรรจุไหฝังอีกครั้งหนึ่งซึ่งเป็นประเพณีฝังศพของคนสมัยก่อนประวัติศาสตร์
            บ้านหนองสระ ตำบลดงชน อำเภอเมืองสกลนคร ตั้งอยู่ริมหนองหารสกลนคร ทางทิศใต้เป็นเนินดินยาวชาวบ้านขุดพบภาชนะลายเชือกทางอย่างหยาบๆ โครงกระดูกมนุษย์เครื่องประดับสำริด และเครื่องมือเหล็ก ในระดับ 1.50 เมตร บริเวณนี้ไม่พบภาชนะเขียนสีแบบบ้านเชียง ที่พบที่บ้านม่วงตำบลห้วยยาง อำเภอเมืองสกลนคร แต่บรรดาเครื่องปั้นดินเผาและโบราณวัตถุอื่นมลักษณะเหมือนกันกับที่บ้านม่วง
            บ้านนาดอกไม้ ตำบลธาตุนาเวง อำเภอเมืองสกลนคร เป็นเนินดินยาว อยู่ริมหนองหารสกลนคร ทางซีกตะวันตกพบโครงกระดูกภาชนะลายเชือกทาบอย่างหยาบๆ เครื่องประดับสำริด ลูกปัดแก้วและเครื่องมือเหล็กในระดับ 1.50 เมตร แต่ไม่พบภาชนะเขียนสีแบบบ้านเชียง จากการพบแหล่งโบราณคดีนี้ บ้านนาดอกไม้ บ้านหนองสระ และบ้านม่วง ซึ่งล้วนแต่กระจายอยู่ริมขอบหนองหารสกลนคร ทำให้ตระหนักว่าแหล่งเหล่านี้น่าจะเป็นแหล่งก่อนประวัติศาสตร์ ที่มีทั้งความสัมพันธ์กับวัฒนธรรมบ้านเชียงและแตกต่างจากบ้านเชียง
            บ้านท่าลาด ตำบลเหล่าปอแดง อำเภอเมืองสกลนคร ตั้งอยู่ริมหนองหารสกลนครด้านทิศใต้ เป็นบริเวณที่พบเศษเครื่องปั้นดินเผาลายเชือกทาบแบบหยาบๆ แต่ไม่พบโครงกระดูกมนุษย์สมัยก่อนประวัติศาสตร์ พบเนินดินที่มีการสร้างศาสนสถาน ในสมัยทราวดีตอนปลาย และลพบุรีเรื่อยมาจนถึงสมัยล้านช้าง โบราณสถานที่สำคัญ ได้แก่ เนินดินที่มีเสมาหินปักล้อม ในเขตวัดท่าวัดเหนือ เป็นเสมาขนาดเล็กที่มีการสลักเป็นพระสถูป หรือลวดลายที่เป็นสัญลักษณ์ทางพุทธศาสนาพบฐานวิหารก่อด้วยศิลาแลงและอิฐ พบพระพุทธรูปแบบทวาราวดี ตอนปลายและแบบลพบุรีและฐานพระพุทธรูปศิลาขนาดใหญ่ในสมัยล้านช้าง มีการสร้างโบสถ์ฐานก่อด้วยอิฐในบริเวณนี้หลายแห่งหลักฐานด้านโบราณคดีที่บ้านท่าวัด เป็นประจักษ์พยานให้เห็นว่าชุมชนในบริเวณรอบๆ หนองหารสกลนครนี้ ได้พัฒนาเข้าสู่สมัยที่มีการนับถือพระพุทธศาสนาในสมัยทวาราวดีตอนปลายก่อนที่จะมีการสร้างเมืองหนองหารหลวงขึ้นริมหนองหารสกลนคร และมีการสร้างศาสนสถานแบบขอมในสมัยลพบุรี
            บริเวณรอบๆ หนองหาร จัดเป็นสวนสุขภาพขนาดใหญ่ เรียกว่าสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ หรือที่รู้จักกันทั่วไปในชื่อสระพังทอง จัดเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ มีพรรณไม้นานาชนิด สวนหย่อมสวยงาม เหมาะแก่การออกกำลังกายและพักผ่อนหย่อนใจ

ตำนานหนองหาร
            การเกิดขึ้นของหนองหารนั้น ตามความเชื่อที่ว่า แต่เดิมขอมปกครองเมืองนี้มาก่อน ยังปรากฏในตำนานนิทานพื้นบ้าน เล่าสืบกันมาจนทุกวันนี้คือ ตำนานฟานด่อน หรือ เก้งเผือก และนิทานเรื่อง กะฮอกด่อน หรือ กระรอกเผือก ตำนานฟานด่อน เป็นตำนานที่ปรากฏอยู่ในหนังสืออุรังคนิทาน เป็นเรื่องอธิบายสาเหตุที่เมืองเก่าซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณท่านางอาบ บ้านท่าศาลา บ้านน้ำพุ ริมหนองหาร ถล่มล่มลงในหนองหาร และแล้วมีการสร้างเมืองใหม่ขึ้น ที่บริเวณ ธาตุเชิงชุม อีกฝั่งหนึ่งของหนองหาร โดย พระยาสุวรรณภิงคาร โอรสพญาขอม
 ตำนานเรื่องนี้ ยังมีความสอดคล้องกับชื่อหมู่บ้านอีกหลาย แห่งริมหนองหาร จึงทำให้ผู้คนเชื่อว่า เป็นเรื่องจริง จนถือกันว่า เมื่ออยู่ในหนองหารไม่ควรพูดถึงเรื่องนี้ จะได้รับอันตราย เรือจะล่ม ถูกเงือกทำร้าย หรือหาปลาไม่ได้ ในส่วน นิทานกะฮอกด่อน แม้จะเป็นการอธิบายการเกิดหนองน้ำขนาดใหญ่ทั่วไปก็ตาม แต่ชาวสกลนครก็เชื่อว่า นิทานเรื่องนี้ เป็นที่มาของการถล่มทลายหนองหาร ซึ่งเกิดจากการกระทำของพญานาค

            นายสรรค์สนธิ บุณโยทยาน เกษตรและสหกรณ์จังหวัดสกลนคร ผู้เชี่ยวชาญด้านดาราศาสตร์ และผู้จัดทำหนังสือสุริยปฏิทินพันปี บอกว่า ผู้คนทั่วโลกมีจินตนาการไม่แตกต่างกัน เมื่อมีวิถีชีวิตของพวกเขาผูกพันกับหนองน้ำ หรือบึงขนาดใหญ่ คำอธิบายที่ได้ยินมักจะหนักไปในทางเรื่องราวของความเชื่อ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ และอภินิหาร หนองหาร จ.สกลนคร บึงน้ำจืดขนาดใหญ่ที่สุดของภาคอีสาน ก็หนีไม่พ้นสูตรสากลนี้ ในครั้งที่ย้ายมารับราชการที่ จ.สกลนคร เมื่อปี ๒๕๒๑ นายสรรค์สนธิ กล่าวว่า สิ่งแรกที่ได้ยินก็คือ ตำนานหนองหาร ซึ่งเกิดจากการถล่มของพญานาคราช ที่มีเรื่องโกรธแค้นกับเจ้าผู้ครองนครหนองหานหลวง เป็นเรื่องเดียวกันกับ หนองหาน ที่ อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี ที่อยู่ห่างออกไปประมาณร้อยกว่ากิโลเมตร
            แต่มีอีกเรื่องหนึ่ง ที่ไม่เหมือนใคร คือ คำเล่าลืออย่างต่อเนื่องของ พระพุทธรูปขนาดยักษ์ ที่จมอยู่ใต้น้ำหนองหาร คนเฒ่าตนแก่เล่าให้ฟังว่า เคยลงไปหาปลาแล้ว พบเศียรพระพุทธรูปขนาดมหึมา โผล่ขึ้นมาปริ่มน้ำ บางคนเล่าว่า ไปทอดแหแล้วกู้ไม่ขึ้น เหมือนติดอะไรสักอย่าง พอดำน้ำลงไปดู กลับพบว่าแหไปพันติดกับเศียรพระพุทธรูปขนาดสามคนโอบ ส่วนคนวัยหนุ่มจะเล่าว่า เคยดำน้ำเข้าไปในรูจมูกของพระพุทธรูป ได้ยินเรื่องแบบนี้อย่างต่อเนื่องตลอด ๓๐ ปี ขนาดอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรท่านหนึ่ง เคยชวนไปดำน้ำ หาพระพุทธรูปดังกล่าว แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีใครกล้าลงไป
             "ในฐานะที่สนใจศึกษาค้นคว้า เกี่ยวกับเรื่องราวความเป็นมาของเมืองหนองหารหลวง สันนิษฐานว่า พระพุทธรูปดังกล่าวอาจจะมีอยู่ใต้น้ำ แต่ขนาดคงไม่ใหญ่เท่ากับที่เล่าลือ เพราะเรื่องทำนองจากงูเขียวกลายเป็นพญานาค เป็นสิ่งปกติของสังคมไทย ผมคิดว่าในยุคที่อาณาจักรทวารวดีแผ่อิทธิพลเข้ามาในดินแดนหนองหารหลวง มีการตั้งบ้านเรือน และก่อสร้างวัดจำนวนมากที่บริเวณริมหนองหาร ปัจจุบันยังมีหลักฐานปรากฏให้เห็นที่ บ้านท่าวัด อ.เมือง จ.สกลนคร เช่น หลักเสมาหินทราย และพระพุทธรูปศิลปะทวารวดี และในที่เดียวกันนี้ ก็มีพระพุทธรูปสมัยขอมเรืองอำนาจ" นายสรรค์สนธิ กล่าว

 ขอขอบคุณ ข้อมูล จาก ททท.สำนักงานนครพนม

สกลนคร ข้อมูลทั่วไป

สกลนคร


พระธาตุเชิงชุมคู่บ้าน พระตำหนักภูพานคู่เมือง งามลือเลื่องหนองหาร แลตระการปราสาทผึ้ง
สวยสุดซึ้งสาวภูไท ถิ่นมั่นในพุทธธรรม
                สกลนคร  เป็นเมืองพุทธศาสน์ พระธาตุห้าแห่ง แหล่งอารยธรรมสามพันปี ตามตำนานเล่าว่า  มืองหนองหานหลวงในอดีต หรือสกลนครในปัจจุบันนั้น สร้างขึ้นเมื่อพุทธศตวรรษที่ ๑๖ ในยุคที่ขอมมีอำนาจในดินแดนนี้ ต่อมาเมื่ออิทธิพลขอมเสื่อมลง เมืองหนองหานหลวงตกไปอยู่ในความปกครองของอาณาจักรล้านช้าง เรียกชื่อเมืองว่า เมืองเชียงใหม่หนองหาน และเมื่อมาอยู่ในความปกครองของไทย ได้เปลี่ยนชื่อเป็น เมืองสกลทวาปี ต่อมา ในปี พ.. ๒๓๗๓ ในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้เปลี่ยนชื่อจากเมืองสกลทวาปี เป็น เมืองสกลนครในปัจจุบัน
                จังหวัดสกลนคร อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ ๖๔๗ กิโลเมตร มีพื้นที่ทั้งสิ้นประมาณ ๙,๖๐๕ ตารางกิโลเมตร แบ่งการปกครองออกเป็น ๑๘ อำเภอ คือ อำเภอเมืองสกลนคร อำเภอกุสุมาลย์ อำเภอกุดบาก อำเภอพรรณานิคม อำเภอวาริชภูมิ อำเภอส่องดาว อำเภอสว่างแดนดิน อำเภอวานรนิวาส อำเภออากาศอำนวย อำเภอบ้านม่วง อำเภอพังโคน อำเภอคำตากล้า อำเภอนิคมน้ำอูน อำเภอเต่างอย อำเภอโคกศรีสุพรรณ อำเภอเจริญศิลป์ อำเภอโพนนาแก้ว และอำเภอภูพาน
อาณาเขต
                      ทิศเหนือ                         ติดต่อกับจังหวัดหนองคาย และจังหวัดนครพนม
                      ทิศใต้                               ติดต่อกับจังหวัดกาฬสินธุ์ และจังหวัดมุกดาหาร         
                      ทิศตะวันออก ติดต่อกับจังหวัดนครพนม
                  ทิศตะวันตก    ติดต่อกับจังหวัดอุดรธานี และจังหวัดกาฬสินธุ์

การเดินทาง

                รถยนต์  จากกรุงเทพฯ ไปตามทางหลวงหมายเลข ๑  ผ่านจังหวัดนครราชสีมา เลี้ยวเข้าอำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น ผ่านจังหวัดมหาสารคาม กาฬสินธุ์ ทางหลวงหมายเลข ๒๑๓ เข้าสู่จังหวัดสกลนคร
                รถโดยสารประจำทาง บริษัท ขนส่ง จำกัด และ บริษัทเอกชน มีรถประจำทางไปจังหวัดสกลนครทุกวัน ออกจากสถานีขนส่งสายตะวันออกเฉียงเหนือ (หมอชิต ๒) ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. ๐ ๒๙๓๖ ๐๖๕๗, ๐ ๒๙๓๖ ๑๘๘๐, ๐ ๒๙๓๖ ๒๘๕๒-๖๖ www.transport.co.th
                   
    สถานที่เที่ยวน่าสนใจ 

อำเภอเมือง

                พระธาตุเชิงชุม  ตั้งอยู่ถนนเจริญเมืองในวัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร เป็นเจดีย์ก่ออิฐถือปูน  ยอดฉัตรทองคำเหนือองค์พระธาตุเชิงชุมทำด้วยทองคำบริสุทธิ์มีน้ำหนัก ๒๔๗ บาท  สร้างครอบรอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้าสี่พระองค์ ซึ่งหมายถึง พระกกุสันะ พระโกนาคม พระกัสสะปะ และพระโค หรือพระศรีอารียเมตตรัย (คือ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ชาวพุทธศาสนิกชนเคารพสักการะบูชาอยู่ทุกวันนี้) สร้างขึ้นเมื่อใดไม่ปรากฏหลักฐานชัด ภายในวิหารใกล้พระธาตุเชิงชุม เป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อองค์แสนอันศักดิ์สิทธิ์เป็นที่เคารพนับถือ ของพุทธศาสนิกชนในจังหวัดสกลนคร ทุกวันพระในตอนค่ำจะมีประชาชนไปบูชากราบไหว้พระธาตุ และหลวงพ่อองค์แสนเป็นจำนวนมาก
                      หนองหาร  เป็นทะเลสาบน้ำจืดที่มีชื่อเสียง และกว้างใหญ่มากแห่งหนึ่งของประเทศไทย  มีเนื้อที่ประมาณ ๑๒๓ ตารางกิโลเมตร หนองหารลึกประมาณ ๓-๘ เมตร ในบริเวณหนองหารมีเกาะต่าง ๆ กว่า ๒๐ เกาะ เช่น เกาะดอนสวรรค์ ซึ่งเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุด บนเกาะมีวัดร้าง และพระพุทธรูปเก่าแก่ นอกจากนั้นตามเกาะต่าง ๆ เหล่านี้จะมีต้นไม้ใหญ่ เป็นที่อาศัยของนกนานาชนิด บางเกาะได้สร้างศาลาพักร้อน เช่น เกาะแก้ว เกาะดอนสะคาม และเกาะดอนสะทุง ซึ่งในเวลากลางวันสาหร่ายที่อยู่ใต้พื้นน้ำ เมื่อแดดส่องลงในน้ำจะเห็นสาหร่ายเป็นสีทอง
                      สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์    อยู่ติดกับหนองหาร เป็นสวนสาธารณะที่สวยงาม มีเนื้อที่ประมาณ ๑๒๐ ไร่ ลักษณะเป็นสวนล้อมสระน้ำขนาดใหญ่ ชื่อสระพังทอง เป็นสระโบราณ เชื่อกันว่าสร้างมาพร้อมกับการสร้างพระธาตุเชิงชุม ภายในบริเวณสวนประกอบด้วยสวนไม้ดอกไม้ประดับ สวนป่า สวนน้ำ สวนหิน และน้ำพุที่สูงราว ๖๙ เมตร
                       พระธาตุดุม  อยู่ที่วัดพระธาตุดุม ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ ๕ กิโลเมตร  ลักษณะเป็นปรางค์องค์เดียวสร้างด้วยศิลาแลงสมัยเดียวกับพระธาตุนารายณ์เจงเวง พบทับหลังทั้ง ๔ ด้าน ด้านทิศเหนือเป็นภาพนารายณ์บรรทมสินธุ์ อายุประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๖-๑๗ ศิลปะเขมรแบบบาปวน
                      พิพิธภัณฑ์บริขารอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ   ตั้งอยู่ในวัดป่าสุทธาวาส  พิพิธภัณฑ์มีลักษณะการก่อสร้างแบบสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ประยุกต์ ภายในพิพิธภัณฑ์มีรูปหล่อเหมือนองค์ของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต และมีตู้กระจกบรรจุอัฐิของท่านที่แปรสภาพเป็นแก้วผลึกใสสีขาว พร้อมทั้งตู้เครื่องอัฐบริขาร รวมทั้งประวัติของท่านตั้งแต่เกิดจนมรณภาพ นอกจากนั้นยังมี  พิพิธภัณฑ์หลวงปู่หลุย     จันทสาโร สร้างขึ้นเพื่อบรรจุอัฐิธาตุหลวงปู่หลุย  ซึ่งเป็นพระเถระชั้นผู้ใหญ่สายวิปัสสนา ศิษย์ของพระอาจารย์มั่น เมื่อท่านมรณภาพและพระราชทานเพลิงศพแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงมีพระราชกระแสว่า ควรสร้างเจดีย์ที่วัดป่าสุทธาวาส อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร ที่วัดนี้มีอัฐิธาตุของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ ท่านจะได้อยู่ใกล้กัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ร่างแบบเจดีย์องค์นี้ด้วยพระองค์เอง

วัดถ้ำผาแด่น ตั้วอยู่บนเทือกเขาภูพาน ห่างจากจากเมืองสกลนคร ประมาณ 20 กิโลเมตร 
สัมผัสความงดงามแห่งพุทธศิลป์ เรื่องราวพุทธประวัติ ทิวทัศน์ที่งดงาม กราบนมัสการพระธาตุเจย์ดีย์อินทร์แขวน   ขอพรหลวงปู่ทวด แล้วยังได้ชื่นชมกับงานศิลป์ทั้งภาพแกะสลักพระอาจารย์เกจิที่สำคัญของสกลนคร ศาลาไม้ที่สวยงาม อีกทั้งยังได้ศึกษาเรื่องราวพุทธประวัติที่น่าสนในอีกด้วย 
                      ปราสาทพระธาตุนารายณ์เจงเวง   ตั้งอยู่ภายในบริเวณวัดพระธาตุนารายณ์เจงเวง  สร้างด้วยหินทรายบนฐานศิลาแลงขนาดใหญ่ สลักลวดลายลงบนเนื้อหิน มีทับหลังจำหลักภาพพระกฤษณะฆ่าสิงห์ ในรูปแบบศิลปะเขมร สมัยบาปวน เชื่อกันว่าเป็นฝีมือของผู้หญิงสร้างทั้งหมด เพื่อแข่งขันกับผู้ชายที่สร้างพระธาตุภูเพ็ก ศิลปะสันนิษฐานว่ามีอายุราวพุทธศตวรรษที่ ๑๖–๑๗             
                      พระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ ตั้งอยู่กลางเทือกเขาภูพาน เป็นสถานที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ตลอดจนพระราชวงศ์ ในคราวเสด็จแปรพระราชฐานเยี่ยมพสกนิกรในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สถานที่ตั้งเป็นป่าไม้ร่มรื่น มีไม้ดอกไม้ประดับตกแต่งไว้อย่างสวยงาม ในระหว่างที่ไม่ได้ประทับอยู่ที่พระตำหนัก อนุญาตให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมได้ทุกวัน โดยทำหนังสือถึงสำนักเลขาธิการพระราชวัง พระบรมมหาราชวัง ถนนหน้าพระลาน กรุงเทพฯ ๑๐๒๐๐  โทร.๐๔๒-๗๑๑๕๕๐,๐๔๒-๗๑๕๐๒๑
                      อุทยานแห่งชาติภูพาน  มีพื้นที่ครอบคลุมอยู่ในเขต จังหวัดสกลนคร และ จังหวัดกาฬสินธุ์ สภาพภูมิประเทศโดยทั่วไปเป็นภูเขาหินปูน สภาพป่าเป็นป่าเต็งรัง ป่าดงดิบ และป่าเบญจพรรณ  ภายในอุทยานฯ มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ได้แก่  
                      พระธาตุภูเพ็ก เป็นพระธาตุเก่าแก่สมัยขอมเรืองอำนาจ สร้างด้วยหินทรายบนฐานศิลาแลงในลักษณะของเทวาลัย
                      ถ้ำเสรีไทย  เป็นถ้ำสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ ที่ฝ่ายเสรีไทยได้ใช้เป็นที่สะสมอาวุธ และเสบียง
                        เทือกเขาภูพาน  เป็นขุนเขาแห่งประวัติศาสตร์ที่มีความงามธรรมชาติ
                      น้ำตกคำหอม และ โค้งปิ้งงู  ห่างจากจังหวัดประมาณ ๑๔ กิโลเมตร  บนถนนสายสกลนคร-กาฬสินธุ์ เป็นช่วงที่คดเคี้ยวไปมาเหมือนกับงูเลื้อย หรืองูที่ถูกปิ้งที่มีไหล่ทางลดหลั่นลงมา มีหลักกิโลเมตรที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยตั้งอยู่ริมทาง ตกแต่งด้วยไม้ดอก ไม้ประดับเป็นทัศนียภาพที่สวยงาม 
                      ผานางเมิน และลานสาวเอ้   เป็นลาหิน เหมาะแก่การตั้งค่ายพักแรม และดูพระอาทิตย์ตก ส่วนด้านล่างหน้าผามีทางเดินไป ลานสาวเอ้ (คำว่า เอ้ เป็นภาษาอีสาน หมายถึง การแต่งตัวมาอวดกัน) ซึ่งเป็นลานหินธรรมชาติที่สวยงาม อยู่ท่ามกลางป่าเขา และบริเวณหน้าผาสูงชัน ในเดือนสิงหาคม-ตุลาคม จะได้พบเห็นดอกไม้ เช่น ดุสิตา กระดุมเงิน สร้อยสุวรรณขึ้นสลับสี เป็นทุ่งกว้าง เหมาะสำหรับพักผ่อน ถ่ายภาพ และชมธรรมชาติ
                      ผาเสวย  ณ ที่แห่งนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จ และประทับเสวยพระกระยาหารกลางวัน จึงได้ชื่อว่า ผาเสวย มาตั้งแต่บัดนั้น
                      น้ำตกห้วยใหญ่  ลักษณะเป็นลำน้ำที่ยุบตัวลง ลดหลั่นเป็นชั้น ๆ รายล้อมด้วยสภาพป่าเขาทึบที่ร่มเย็น
                      น้ำตกปรีชาสุข เป็นน้ำตกที่ไหลมาตามลานหินลาดเขาลดหลั่นเป็นชั้น อยู่ท่ามกลางสภาพป่าไม้ที่สมบูรณ์ สามารถลงเล่นน้ำได้อย่างปลอดภัย
                      สะพานหินธรรมชาติ (ทางผีผ่าน)  มีลักษณะเป็นสะพานหินที่เชื่อมต่อระหว่างหินสองกลุ่ม  ด้านใต้เป็นเวิ้งถ้ำกว้างใช้เป็นที่หลบแดดหลบฝนได้          
                      นอกจากนี้ทางอุทยานฯ ได้จัดทำเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติสำหรับนักท่องเที่ยว ใช้เวลาเดินประมาณ ๑ ชั่วโมง ระยะทางประมาณ ๑ กิโลเมตร
                      ทางอุทยานฯ มีบริการบ้านพัก สอบถามรายละเอียดได้ที่ อุทยานแห่งชาติภูพาน  โทร. ๐ ๔๒-๐ ๓๐๔๔  
                      ภาพรอยสลักผาสามพันปีที่ภูผายล  ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่บ้านนาผาง ตำบลกกปลาซิว ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ ๓๘ กิโลเมตร ภูผายล มีภาพแกะสลักบนหน้าผาหินเป็นรูปภาพต่าง ๆ แสดงชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยในชุมชนก่อนประวัติศาสตร์ ที่ใช้ของแข็งขูดขีดลงบนหน้าผา เช่น ภาพสัตว์ คน ไร่นา เป็นต้น  

อำเภอพรรณานิคม  

                      พระธาตุภูเพ็ก  ผู้ที่จะไปนมัสการพระธาตุต้องเดินขึ้นบันไดประมาณ ๔๙๑ ขั้น องค์พระธาตุสร้างด้วยหินทรายบนฐานศิลาแลง  พระธาตุภูเพ็กสร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ ๑๖ เพื่อเป็นศาสนสถานในศาสนาฮินดู ภายหลังดัดแปลงเป็นพุทธศาสนสถานและ ตำนานพระอุรังคธาตุ หรือตำนานพระธาตุพนม ซึ่งกล่าวไว้ว่า พระธาตุภูเพ็กสร้างโดยกลุ่มผู้ชายเพื่อแข่งขันกับกลุ่มผู้หญิงซึ่งสร้างพระธาตุนารายณ์เจงเวงเพื่อรอบรรจุพระอุรังคธาตุของพระพุทธเจ้า แต่กลุ่มผู้ชายด้ยุติการสร้างเมื่อเห็นดาวเพ็กบนท้องฟ้า ซึ่งเป็นกลลวงของกลุ่มผู้หญิงจึงได้ชื่อว่า ปราสาทพระธาตุภูเพ็ก ตามชื่อดาว เพ็ก
                      พิพิธภัณฑ์อาจารย์ฝั้น อาจาโร ตั้งอยู่ที่วัดป่าอุดมสมพร ลักษณะตัวพิพิธภัณฑ์เป็นรูปเจดีย์ฐานกลมกลีบบัวสามชั้น  ภายในมีรูปปั้นพระอาจารย์ฝั้น มีขนาดเท่ารูปจริง ในท่านั่งห้อยเท้า และถือไม้เท้าไว้ในมือ มีตู้กระจกบรรจุอัฐิ และแสดงเครื่องอัฐบริขาร รวมทั้งประวัติความเป็นมาตั้งแต่เกิดจนมรณภาพ
                วัดคำประมง  ตั้งอยู่ที่ ตำบลสว่าง  สร้างตามแบบสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ วัดนี้เป็นที่วิปัสสนาของพระครูสันติวรญาณ (หลวงปู่สิม พุทธาโร) พระเกจิอาจารย์ชื่อดังรูปหนึ่งของไทย
                      ปราสาทบ้านพันนา  ตั้งอยู่ที่บ้านพันนา อยู่ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ ๗๐ กิโลเมตร สร้างด้วยศิลาแลง เชื่อว่าสร้างสมัยเดียวกับปราสาทพระธาตุภูเพ็ก
                      วัดถ้ำอภัยดำรงธรรม หรือวัดถ้ำพวง  และพิพิธภัณฑ์อาจารย์วัน อุตตโม   ตั้งอยู่บนยอดเขาสูงที่สุดในเขตตำบลปทุมวาปี อ.ส่องดาว ห่างจากจังหวัดประมาณ 105 กิโลเมตร ตามเส้นทางหลวงหมายเลข 22 (สกลนคร-อุดรธานี) ภายในวัดมีเจดีย์พิพิทธภัณฑ์พระอาจารย์วัน อุตตโม  และเป็นที่ตั้งของสังเวชนียสถาน 4 ตำบล ที่จำลองสถานที่ประสูติ ตรัสรู้ แสดงปฐมเทศนา และปรินิพพานของพระพุทธเจ้า
                       
                      อุทยานแห่งชาติภูผายล  ตั้งอยู่บนเทือกเขาภูพาน มีพื้นที่ครอบคลุมอยู่ใน จังหวัดสกลนคร จังหวัดนครพนม และ จังหวัดมุกดาหาร มี สภาพป่าทั่วไปเป็นที่ราบสูงสลับกับเทือกเขาหินทราย
สถานที่น่าสนใจในเขตอุทยานฯ ได้แก่
                      อ่างเก็บน้ำห้วยหวด
                      น้ำตกคำน้ำสร้าง เป็นน้ำตกที่สูงที่สุดของอุทยานฯ              
                  ภูผายล  มีจุดชมวิวที่สวยงาม บริเวณหน้าผามีรูปเกาะสลักรูปภาพต่าง ๆ ที่มีอายุประมาณ
,๐๐๐ ปี
                      ผาพญาเต่างอย  มีลักษณะเป็นหินทรายรูปร่างคล้ายเต่างอยกำลังจะลงน้ำหันหน้าลงสู่ลำน้ำพุง เชื่อกันว่าบริเวณใดที่มีเต่างอยแสดงว่าเป็นพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์
                      ลานดุสิตา  เป็นลานหินซึ่งมีพื้นที่กว้างขวาง ในราวปลายฤดูฝนจะมีดอกไม้เล็ก ๆ นานาพรรณขึ้นอยู่ละลานตา โดยเฉพาะดอกดุสิตาซึ่งมีสีม่วง และมีดอกกระดุมเงิน สร้อยสุวรรณา เอนอ้า หยาดน้ำค้า ซึ่งทางอุทยานฯ ได้จัดทำทางเดินเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ชมความงามของธรรมชาติ โดยไม่เหยียบย่ำไปบนพืชเล็ก ๆ ที่สวยงามเหล่านี้ 
                      ทางอุทยานฯ มีบริการบ้านพักและบริเวณกลางเต็นท์สำหรับนักท่องเที่ยว สอบถามรายละเอียดได้ที่ อุทยานแห่งชาติภูผายล โทร. ๐ ๔๒-๙๘ ๑๐๕๗    

เทศกาลงานประเพณี
                       
งานประเพณีแห่ปราสาทผึ้ง  จัดขึ้นในช่วงออกพรรษา ระหว่างวันขึ้น ๑๒-๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ ของทุกปี ในตอนกลางคืนของวันขึ้น ๑๓ ค่ำ ก่อนวันทำการแห่ขบวนปราสาทผึ้ง ชาวคุ้มต่าง ๆ จะนำปราสาทผึ้งของตนที่ตกแต่งอย่างสวยงามประดับโคมไฟหลากสีมาตั้งประกวดแข่งขันกัน ณ สนามมิ่งเมือง เพื่อให้ประชาชนได้ชมความสวยงามอย่างใกล้ชิด สำหรับวันขึ้น ๑๔ ค่ำ จะเป็นวันแห่ขบวนปราสาทผึ้งที่ตกแต่งอย่างวิจิตรสวยงามของคุ้มวัดต่าง ๆ ไปตามถนนในเขตเทศบาลไปสู่วัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหา
                      งานประเพณีแข่งเรือ จัดขึ้นร่วมกับงานประเพณีแห่ปราสาทผึ้งในเทศกาลออกพรรษา ในวันขึ้น ๑๒-๑๓ ค่ำ เดือน ๑๑ ในน่านน้ำหนองหาร                 
                   งานสัปดาห์วิสาฃบูชา  ตรงกับวันวิสาฃบูชา  ของทุกปี หรือวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ มีการแห่ประทีปโคมดอกบัวบูชาองค์พระธาตุเชิงชุมในคืนวันเพ็ญวิสาขะ
                     งาน บุญมหาชาติและงาน บุญบั้งไฟ (เซิ้งผีโขน) อ.พังโคน จัดขึ้นในเขตเทศบาลตำบลพังโคน ในสัปดาห์แรกของเดือน พฤษภาคมของทุกปี  กิจกรรมประกอบด้วย การประกวดบั้งไฟทางไกล เทศน์มหาชาติ เ  ทศกาลอาหารแซบพังโคน  และการประกวดขบวนแห่บั้งไฟ

สินค้าพื้นเมืองและของที่ระลึก

                      ศูนย์ศิลปาชีพบ้านกุดนาขาม   อยู่ในท้องที่บ้านกุดนา อำเภอเจริญศิลป์  ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 112 กิโลเมตร ตามเส้นทางหลวงหมายเลข 22 (สกลนคร-อุดรธานี) แยกเข้าทางหลวงหมายเลข 2280   มีผลิตภัณฑ์มากมาย เช่น เครื่องปั้นดินเผางานเคลืบเงา ลงยา ผ้าไหมผ้าฝ้าย สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ศิลปาชีพกุดนานาขาม โทร.042-709162,042721598
                     
                         ศูนย์ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์พื้นบ้าน ตำบลพันนา  ตั้งอยู่ที่ตำบลพันนา อ.สว่างแดนดิน ที่นี่เป็นศูนย์ผลิตและย้อมผ้าฝ้ายด้วยสีธรรมชาติ (ผ้าย้อมคราม) ซึ่งเป็นการย้อมผ้าที่มีชื่อเสียงของจังหวัดสกลนคร พร้อมทั้งจำหน่ายสินค้า หนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์
                                                                                         
                                สิ่งอำนวยความสะดวก
(ราคาห้องพักในเอกสารนี้เปลี่ยนแปลงได้ โปรดสอบถามจากโรงแรมก่อนเข้าพัก)
สถานที่พัก 

อำเภอเมือง

    กรองทอง  .เจริญเมือง โทร. ๐ ๔๒๗๑ ๑๒๓๕, ๑๕ ห้อง ราคา ๑๒๐-๒๔๐ บาท
    เจริญสุข  .เจริญเมือง โทร. ๐ ๔๒๗๑ ๒๙๑๖ ,  ๓๐ ห้อง ราคา ๑-๐๐ บาท
    ดุสิต  .ยุวพัฒนา โทร. ๐ ๔๒๗๑ ๑๑๙๘-, ๐ ๔๒๗๑ ๒๒๐๐-,๑๐๑ ห้อง ราคา ๕๐-๔,๐๐ บาท
    เพชรสกล  ถ.มรรคาชัย โทร. ๐ ๔๒๗๓ ๐๐๔๓ , ๑๑ ห้อง ราคา ๓๓๐ บาท
    ภูพาน เพลส ถ.นิตโย โทร. ๐ ๔๒๗๑ ๖๗๙๗-๘ ,๖๔ ห้อง ราคา ๕๐๐-๖๐๐ บาท
    สกลแกรนด์ พาเลซ  .ไอทียู โทร. ๐ ๔๒๗๑ ๔๘๘๖-๗ ,๑๒๐ ห้อง ราคา ๗๐๐-๒,๘๐๐ บาท
    สกลโฮเต็ล  ถ. เจริญเมือง  โทร.๐๔๒-๗๑๑๑๑๓, ๑๐ ห้อง ราคา ๑๒๐-๑๘๐ บาท
    สมเกียรติ  .กำจัดภัย โทร. ๐ ๔๒๗๑ ๑๐๔๐ , ๓๖ ห้อง ราคา ๑๐-๒๐ บาท
    อารยะ   ถ.กำจัดภัย โทร. ๐ ๔๒๗๑ ๑๐๙๗ , ๒๖ ห้อง ราคา ๑๕๐-๒๕๐ บาท
    อิมพีเรียล  .สุขเกษม ต.ธาตุเชิงชุม โทร. ๐ ๔๒๗๑ ๑๑๑๙,  ๑๐๐ ห้อง ราคา ๐๐-๒,๕๐๐ บาท
    เอ็ม เจ เดอมาเจ.คูมือง ต.ธาตุเชิงชุม โทร. ๐ ๔๒๗๓ ๓๗๗๑-๔ , ๑๐๐ ห้อง ราคา ๖๓๐-,๓๖๐ บาท
    ชินาชาติ ถ.มรรคาลัย ต.ธาตุเชิงชุม   ๒๗ ห้อง ราคา ๕๐๐  โทร.๐๔๒-๗๑๑๐๑๒
    เจซี อพาร์เม้นท์ อ.เมืองจำนวน ๔๐ ห้อง  ราคา ๓๕๐ โทร ๐๔๒-๗๔๓๔๓๑
    เจ พี เค แมนชั่น  ถ.ใสสว่าง อ.เมือง ๑๖๐ ห้อง ราคา ๓๕๐  โทร.๐๔๒-๗๑๖๕๕๗
    พี ซี พาเลซ  ถ.บึงหนองสนม อ.เมือง    ๒๖ ห้อง ๒๖ ห้อง ราคา ๓๐๐-๓๕๐ โทร.๐๔๒-๗๓๓๙๙๑
    นาภีรีสอร์ท  ต.เชียงเครือ อ.เมือง   ๑๕ ห้อง โทร ๐๘๑-๘๗๓๒๔๙๑ ราคา ๒๕๐-๓๕๐
    ก.วัฒนารีสอร์ท บ้านน้อยจอมศรี อ.เมือง ๓๐ ห้อง ราคา ๓๕๐ โทร.๐๔๒-๗๔๔๐๙๔
    เอ็นเอช ดิ  เอลิแกนท์  ถ.รอบเมือง อ.เมือง ๔๘ ห้อง ราคา ๖๕๐-๑๐๐๐ โทร. ๐๔๒-๗๑๓๓๓๘
    ภูพานกรีนวิลล์ สกล-นาแก อ.เมือง   ๑๐ ห้อง ราคา ๕๕๐ โทร. ๐๔๒-๗๑๔๘๕๑
    ฉัตรชัยโมเต็ล  ถ.นิตโย อ.เมือง ๑๐ ห้อง ราคา๔๐๐-๔๕๐ โทร. ๐๔๒-๗๑๔๘๓๙
    ไร่ภูพานรีสอร์ท  ต.สร้างค้อ อ.ภูพาน   ๑๘ ห้อง ราคา๓๐๐-๑๒๐๐ โทร.๐๔๒-๙๘๑๐๑๖
   เทียมจันทร์  ถ.นิตโย   ๑๕ ห้อง ราคา ๑๒๐-๒๐๐ บาท
    พุทธชาด ถ.จำปาชนบท อ.พังโคน   ๓๐ ห้อง ราคา ๓๐๐-๕๐๐ บาท โทร.๐๔๒-๗๑๑๐๐๕
    เพรทตี้  ถ.นิตโย โทร. ๐ ๔๒๗๒ ๑๑๓๑ ๒๐ ห้อง ราคา ๑๕๐-๒๕๐ บาท
   โรงแรมชมดาว แอนด์รีสอร์ท ถ.สว่างแดนดิน โทร.๐๔๒๗๒๒๕๔๔ , ๔๒ ห้อง ราคา  ๓๕๐-๖๐๐ บาท

ร้านอาหาร

อำเภอเมือง
                   ทองดี ถ.กำจัดภัยโทร.๐๔๒-๗๑๑๘๑๗ (สเต็กจิ้มแจ่ว) เนื้อโพนยางคำ
                    กรีนคอนเนอร์  ถ.รัฐพัฒนา โทร. ๐ ๔๒๗๑ ๑๐๗๓ (อาหารตามสั่ง)
                      กอไผ่  .สุขเกษม โทร. ๐ ๔๒๗๑ ๒๒๓๕ (อาหารตามสั่ง)
                 ครัวอโนทัย  .เปรมปรีดา โทร. ๐ ๔๒๗๑ ๑๕๔๒ (อาหารตามสั่ง, ข้าวแกง, )
                      คันทรีโฮม  บริเวณศูนย์การค้าสกลพลาซ่า
                      เครือวัลย์  ถ.ใจผาสุข โทร. ๐ ๔๒๗๑ ๒๒๓๓ (อาหารประเภทข้าวแกง, ก๋วยเตี๋ยว)
                      เต็มคำ  ถ.ยุวพัฒนา โทร. ๐ ๔๒๗๑ ๑๕๖๖, ๐ ๔๒๗๑ ๓๖๔๓
                      พอใจ  ถ.เปรมปรีดา โทร. ๐ ๔๒๗๑ ๑๗๖๗
                      มิตรอุปถัมภ์  ถ.สุขเกษม โทร. ๐ ๔๒๗๑ ๑๖๓๓ (อาหารไทย, ซุบหน่อไม้, ลาบ)
                      ลายไทย  ถ.สกลนคร-กาฬสินธุ์
                      ลูกไผ่  ถ.กำจัดภัย โทร. ๐ ๔๒๗๑ ๒๕๔๕  (อาหารไทย, จีน)
                      แวร์ซายส์  ถ.ไอทียู ในโรงแรมสกลพาเลซ โทร.๐๔๒๗๑ ๔๘๘๖- (อาหารไทย, จีน)
                      สนมเอก  บริเวณหนองสนม โทร. ๐ ๔๒๗๑ ๒๘๐๖
                      สวนรัก  ถ.รัฐพัฒนา โทร. ๐ ๔๒๗๑ ๑๗๘๓
                      สวนลึก  ถ.ต.พัฒนา โทร. ๐ ๔๒๗๑ ๔๐๗๒ (อาหารตามสั่ง, ประเภทยำ, ปลา)
                      สะบันงา  ถ.รัฐพัฒนา โทร. ๐ ๔๒๗๓ ๓๔๒๘ (อาหารตามสั่ง, อาหารอีสาน)
                      อาภาอาหารไทย  ถ.กำจัดภัย โทร. ๐ ๔๒๗๑ ๒๐๘๑  (อาหารไทย)

หมายเลขโทรศัพท์สำคัญ  
                 สำนักงานจังหวัดสกลนคร       โทร. ๐ ๔๒๗๑ ๑๐๖๕, ๐ ๔๒๗๑ ๑๗๖๓                 
                      โรงพยาบาลจังหวัดสกลนคร     โทร. ๐ ๔๒๗๑ ๑๖๓๖, ๐ ๔๒๗๑ ๑๖๑๕
                      สถานีตำรวจภูธร                                    โทร. ๐ ๔๒๗๑ ๑๘๗๘, ๐ ๔๒๗๑ ๑๖๖๕,
                                                                                            ๐ ๔๒๗๑ ๑๕๐๖
                      สถานีขนส่ง                     โทร. ๐ ๔๒๗๑ ๒๘๖๐,๐๔๒๗๑๔๙๐๕
                      ตำรวจท่องเที่ยว                             โทร. ๑๑๕๕
                      ตำรวจทางหลวง                            โทร. ๑๑๙๓
                   ททท.สำนักงานนครพนม                     โทร ๐๔๒-๕๑๓๔๙๐-๑
-------------------------------------------------------------------
ข้อมูลที่ระบุในเอกสารนี้ อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้

ขอขอบคุณข้อมูลจาก ททท.สำนักงานนครพนม